"ปีกกล้าขาแข็ง ก็ต้องออกไปบิน"




ให้ตายเหอะ!!! น้องชายผม Graphic Design เปลี่ยนงานอีกละ นี่เพิ่งทำได้ปีกว่าเอง


เป็นคำพูดที่ได้ยินกันบ่อยครับ ในวงการนี้

สาเหตุหลักก็คงมีไม่กี่อย่างครับในการเปลี่ยนงาน
เงินเดือนที่มากกว่าเดิม
ตำแหน่งที่สูงขึ้น
สวัสดิการที่ดีกว่า
ความมั่นคง



แน่นอนเลยว่าการหางานใหม่ในวงการ กราฟฟิคดีไซน์ นั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่แปลกครับหาก บางคน หางานใหม่ทุก ปี หรือ 2 ปีหรือบางคนที่อิ่มตัวหน่อยก็อาจจะอยู่ที่เดิมไปจนตลอด ตั้งแต่เริ่มทำงานก็มีอยู่ไม่น้อยครับ

ต้องบอกเลยว่า ในสายงานนี้ ความท้าทายมันเยอะ มีสิ่งเร้าที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเปลี่ยนงานของเราอยู่เสมอ อยู่ที่ว่า เราเอง โหยหามันหรือไม่

ใช่แล้วครับ นั่นคือเรื่องเงินเดือน บอกเลยว่าสายงานนี้มักเปลี่ยนงานกันเพราะ เรื่องรายได้เป็นอันดับแรกครับ เพราะเป็นงานที่เพิ่มพูนประสบการณ์ และพัฒนาฝีมือ มุมมอง รวมถึง sense การออกแบบ การมองงาน ให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าฝีมือเพิ่ม แต่เงินเดือนไม่เพิ่ม ก็ต้องขยับขยายกันครับ

บางคนต้องการไปอยู่บริษัทใหญ่ เงินเดือน โอเค สวัสดิการเยี่ยม ขอแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ก็เกิดความภูมิใจให้ได้ปลาบปลื้มกัน

บางคนเลือกที่จะอยู่ องค์กรเล็กๆ สวัสดิการไม่มากมาย แต่เงินเดือนหนักหน่อย ก็ว่ากันไป

รวมถึงจอมยุทธเดียวดาย ออกมารับงาน เป็นฟรีแลนซ์เองก็มีให้เห็นกันอย่างนับไม่ถ้วนครับ

ทั้งหมดทั้งมวล ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัวเองเท่านั้น ว่าจะเป็น หางมังกร หรือหัวสุนัข

โปรดอย่าแปลกใจครับหากคนรู้จักท่าน ที่อยู่ในวงการนี้เปลี่ยนงานปีละ ครั้ง หรือ 2 ปีครั้ง ถ้ายังงงให้ย้อนไปอ่านข้างบนครับ
ก็นอกซะจากว่าที่ๆเค้าอยู่ จะดูแลดีเรื่อง เงินเดือนและสวัสดิการ เค้าเองก็ไม่อยากจะไปไหน อยู่มันทั้งชีวิตได้เหมือนกันครับ

หากสังกัดเดิมไม่มีที่ให้เค้าโต เค้าก็ต้องย้ายไปโตที่อื่น กลายร่างเป็นอาร์ตได ซีเนียร์ ดูแลรุ่นน้องๆกราฟฟิคให้อยู่ในแนวเดียวกัน ไม่แตกแถว มีหน้าทีรับผิดชอบมากขึ้น พร้อมกับรายได้ที่เหมาะสม

ก่อนผันชีวิตตัวเองมาเปิดกิจการของตัวเองในที่สุด ในรูปแบบของ Agency Graphic House ต่างๆนาๆ ขึ้นอยู่กับประสบการและต้นทุนของใครของมันครับ
เชื่อว่าคงไม่มีใครทำอยู่จนเกษียณแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นวงจรของชีวิต กราฟฟิคดีไซน์ อย่างสมบูรณ์แบบเลยครับ




แม้การเปลี่ยนงานเพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ เป็นสิ่งดี แต่ในทางกลับกัน การเปลี่ยนงานบ่อยก็ เป็นดาบสองคมได้เช่นกัน เมื่อประวัติการทำงานเรามาเป็นหางว่าว ก็ทำให้ทางบริษัทอาจคิดว่าไม่มีความอดทนเลยเป็นผลในแง่ลบกันไป

หากต้องเปลี่ยนงานจริงๆควรคิดให้เยอะครับ เงินเดือน ค่าใช้จ่าย เงินเก็บ การเดินทาง ความสะดวกสบาย สวัสดิการต่างๆ สิ่งเหล่านี้ต้องนั่งคิดอย่างรอบคอบ ให้ตุ้มค่าการตัดสินใจของเราในอนาคตครับ

ขอฝากไว้ด้วยนะครับ


Intro...คุณรู้จัก "กราฟฟิคดีไซน์" แค่ไหน ????


ถามจริงๆครับ...กราฟฟิค ดีไซน์คืออะไร???

ยังครับ...อย่าเพิ่งตอบ อย่าเพิ่งใช้สมองรีบครุ่นคิดอย่างลนลาน เพราะถ้าคุณยังตอบไม่ได้ทันทีตอนที่ถูกยิงคำถามเข้าใส่ นั่นแปลว่า คุณเองอาจยังสับสนว่า จริงๆแล้วมันใช่ ไอ้อย่างที่เราคิดไว้ ป่าวหว่า....... หรืออาจเข้าใจมันผิดมาทั้งชีวิต


นี่ไงครับผมกำลังจะช่วยไขความกระจ่างให้ ใครที่รู้แล้วให้อุบไว้ก่อนนะครับ อย่าคิดดัง เดี๋ยวคนอ่านได้ยิน แล้วจะไม่อยากอ่านต่อ 55555
จริงๆ แล้วไม่มีอะไรครับ ผมก็แค่ใช้คำถามดูให้มันสำคัญและยกระดับความยากให้สมองท่านครุ่นคิดเท่านั้นเอง ......อันที่จริงแล้ว พูดกันตรงๆมันก็คืองานออกแบบนั่นแหละครับ ..... มันคือการออกแบบให้มีความสวยงาม โดดเด่น รวมถึงสามารถสื่อความหมายของตัวงานนั้นออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเน้นหนัก ไปทางสิ่งพิมพ์เป็นหลักครับ ย้ำว่าสิ่งพิมพ์ครับ เพราะมีหลายคนหลงประเด็นเอามันไปรวมกับการออกแบบด้านอื่น อย่างสเปะสปะมั่วไปหมด จนวุ่นวายกันทั้งวงการทีเดียว ไว้ผมจะอธิบายอีกทีครับ


งานสิ่งพิมพ์ที่ว่าคือ งานที่ต้องผ่านกระบวนการพิมพ์ เช่น

นิตยสาร หนังสือพิมพ์เล่มโปรดที่หลายคนกำลังถืออ่านในมือ
นามบัตรของท่านล้วงมันขึ้นมาดูสิครับ
โบรชัวร์ มือถือรุ่นฮ็อตที่ต้องไปหยิบมาทุกครั้งเมื่อเดินผ่าน
แคตตาล็อก บิ๊กซี โลตัส ที่มักมาสอดตามบ้านเป็นประจำ
ป้ายโฆษณา ป้ายคัทเอาท์ใหญ่ๆในเมือง ทีเคยถึงขั้นทำให้รถชนกันมาแล้ว เมื่อคนขับมัวแต่มองนางแบบที่อยู่ในนั้น


เหล่านี้แหละครับคืองานกราฟฟิค ดีไซน์ จริงๆไม่อิงนิยาย

งานเหล่านี้จะถูกออกแบบให้เกิดความสวยงามตามวัตถุประสงของการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยผ่านมือของนักออกแบบที่เราคุ้นหูกันว่า graphic Design นั่นเอง ที่ต้องเอางานด้านนี้มาอ้างอิงก็เพราะความหมายของตัวมันเองครับ
Graphic = ภาพวาดหรืออะไรก็ตามที่เขียนเป็นรูปร่างขึ้นมา
Design= คือการออกแบบ

เมื่อมารวมกันจึงเกิดความหมายขึ้นมา .... ส่วนใครที่สงสัยว่า อ้าวความหมายมันคือภาพวาดไม่ใช่เหรอ?? จริงๆแล้วก็ไม่ทั้งหมดครับบ เพราะงานด้านภาพวาดไม่ได้ผ่านกระบวนการพิมพ์ และจัดอยู่ในงานประเภท Drawing อย่างชัดเจนไม่ได้มาลำเส้นกันแต่อย่างใด

ส่วนวงการ ออกแบบ จะแบ่งออกเป็นสายต่างๆตามงานที่ แตกต่างกันออกไปตามนี้ครับ

Graphic Design : งานออกแบบโฆษณา โบรชัวร์ (สายงานนี้คือสายตรง)
Magazine Design : นิตยสาร หนังสือพิมพ์ วารสารต่าง
Web Design : งาน เว็ปไซต์
Flash Design : งานแฟลช แบนเนอร์บนเว็ปไซต์
Charactor Design : งาน3d สามมิติ
Packagjng Design: งานออกแบบ ผลิตภัณฑ์+ฉลาก
Motion Graphic : งานออกแบบภาพเคลื่อนไว และเอฟเฟ็ค ทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์

ตามหวดหมู่นี้เลยครับผมเเยกตามวายงานในปัจจุบันในวงการ graphic design บ้านเราให้ดูชัดเจนมากขึ้น พอเห็นภาพแล้วใช่ไม๊ครับ....เฮ้อ...เหนื่อย 55555
อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงพอจะนึกได้เเล้วนะครับ อย่างน้อยเชื่อว่าคงเข้าใจกว่าเดิม เพิ่มมากขึ้นทีเดียวว่าสายงานต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง และตัวท่านเองอยากจะอยู่ในสายงานแบบใด

ขอให้เชื่อเถอะครับแม้จะสามารถรับรู้ในสายงานแบบนี้ ก็ยังเกิดเรื่องบ้าบอขึ้นจนได้ครับ..... จะอะไรซะอีกครับ ก็การเลือกรับคนเข้าทำงาน แต่ดันกำหนดหน้าที่ไม่ชัดเจน รวมถึงความต้องการที่สูงลิบหวังให้ทำได้หลายสายงานในคนๆเดียว เป็นความโลภ ของ บริษัทต่างๆ ที่กำลังหาคนครับ

นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้วงการ graphic design ของเราไม่ก้าวหน้า พัฒนาช้า และจ้องแต่จะ Coppy งานชาวบ้านชาวช่องเค้า
ไว้คราวหน้าจะมา อธิบายให้ฟังอีกที นะครับ

ชี้ชะตา ทาง 2 แพร่ง....จุดหักเห ครั้งใหญ่ในชีวิต...






ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย หากคนๆหนึ่งจะต้องเลือกอะไรบางอย่างที่มีผลต่อ ช่วงชีวิตในอนาคตของตัวเอง

หลายคนคงใช้เวลานานนับ วัน เดือน หรือข้ามปีเลยทีเดียวหากต้องใช้ความคิดทั้งหมดที่มีเพื่อตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต...
แน่นอนว่ามันไม่เหมือนการทำข้อสอบที่มีกระดาษคำตอบวางตรงหน้าแล้วให้เราเลือกข้อที่คิดว่าใช่สุด...ซึ่งอาจมี 4-5 ช้อยส์ให้เลือกเอาตามชอบ...แต่ครั้งนี้มันจะเปลี่ยนชีวิตเราไปออย่างสิ้นเชิง และไม่สามารถนั่ง ไทม์แมชชีนย้อนเวลามาแก้ไขได้เหมือนในหนัง

ครับที่พูดเกริ่นมานั้นผมเอง....ผมใช้เวลาไม่นานนักกับการยืนคิดอยู่ตรงทางแยกที่เดินมาถึงก่อนที่ผมจะทิ้งหน้าที่ พนักงานส่งเสริมการขาย บริษัทน้ำเมาแห่งหนึ่งไว้ตรงนั้นพร้อมกับเลือกไปยังเส้นทางที่ใจผมมันเรียกร้องอยู่ทุกเวลาจนผมทนไม่ไหว...

ทั้งที่ผมเองอาจมีสิทธิ์ก้าวหน้าในงานด้านการตลาดได้เป็นอย่างดีในฐานะ หลานชายของ ผู้จัดการเขตบริษัทน้ำเมา ที่เตะผมเข้ามาในที่แห่งนี้พร้อมกับยัดเยียด พนักงานส่งเสริมให้ผม....
แต่เเล้วผมเองก็เลือกที่จะลาออกมาในที่สุด ท่ามกลาง เสียงกร่นด่า ภาษาพ่อขุน และสีหน้าของผู้ใหญ่ในบ้านที่มองผมราวกับมีคำว่า "ไอ้โง่" สักไว้กลางหน้าผากผมเอง

....ผมตัดสินใจลาออกทันที...เพราะอะไรเหรอครับ???? เพราะผมมีความรู้สึกว่าที่ทำไปทั้งหมด มันไม่ใช่ตัวเอง ความรู้ที่ผมเรียนมาทาง นิเทศศาสตร์ ก็เริ่มเหือดหายไปทีละน้อย และคงหมดในไม่ช้าแน่นอนหากผมไม่ทำอะไรกับมัน

แล้วทุกอย่างก็เริ่มตรงนี้ครับ.....ผมตัดสินใจเข้ามาหางานที่ กรุงเทพ โดยตั้งใจว่า คงได้เป็นนักข่าว กอง บ.ก. Coppywriter ในไม่ช้า เงินเดือนไม่ต้องดี ขอให้มีงานทำว่างั้น....
จนแล้วจนรอดก็ยังเตะฝุ่นอยู่ ประกอบกับอยู่ๆก็ดันคิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะลองหางานอีกสายดู ซึ่งเป็นงานด้านศิลปะที่ผมเองไม่เคยจะพิศมัยงานด้านนี้เลย นั่นคือ "กราฟฟิค ดีไซน์"

เนื่องจากตอนเรียนก็ยังพอทำเป็นบ้าง แบบ งูๆ ปลาๆ พอเอาตัวรอดเป็นงานๆไป คิดว่าลองส่งใบสมัครไปหลายๆที่ เผื่อฟลุ๊กขึ้นมาก็คงได้งานได้เงินมารักษาโรคตกงานก่อน พอหายดีแล้วค่อย แอบๆ หางาน ที่หวังไว้ก็ยังไม่สาย 5555
"ลูกผู้ชาย ยืดได้หดได้ "


และแล้วพระเจ้าก็ไม่ได้ตาบอด....ผมถูกเรียกเข้าไปเทสต์งานตำแหน่ง กราฟฟิคดีไซน์ ที่ what AV ซึ่งเป็นนิตยสารแนวเครื่องเสียง โฮมเทียเตอร์ .....แน่นอนครับ ผมผ่านการทดสอบและได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งนี้ในที่สุด แม้จะกังวนมากเรื่องการทำงานจริง เพราะเรื่องจริงยังไม่เคยทำเลย...555555 ตั้งแต่บัดนั้น ผมก็ได้ย้ายก้นเข้ามาในวงการ กราฟฟิคดีไซน์เต็มตัว แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะการเลือกทางเดินชีวิตแบบท้าทายของตัวเอง

เชื่อว่าหลายคนเองก็คงต้องเคยไปยืนระหว่างทางแยก ของชีวิตตัวเองก่อนจะตัดสินใจครั้งใหญ่ของอนาคตเช่นเดียวกันกับผม
......สุดยอดใช่ไม๊ครับ ความรู้สึกแบบนั้นที่ไม่ใช่ใครก็จะรู้สึกได้ มันเยี่ยมจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของชีวิต.....

จริงไม๊ครับ ...........